วันจันทร์ที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

วิธีสแกนไวรัสบนฮาร์ดดิสก์ผ่าน Windows Explorer

วิธีสแกนไวรัสบนฮาร์ดดิสก์ผ่าน Windows Explorer

วิธีสแกนไวรัสบนฮาร์ดดิสก์ผ่าน Windows Explorer

  1. แนะนำให้กดปุ่ม Windows Logo + E เพื่อเปิด Explorer
  2. จากนั้น คลิกขวา เลือกคำสั่ง "Scan for Viruses" (อาจมีคำคล้ายๆ กัน ทั้งนี้ ขึ้นกับโปรแกรม anti-virus ที่คุณใช้งาน)
  3. รอจนกระทั่งสแกนเสร็จสิ้น
  4. ดูผลลัพธ์ของการสแกน?
  5. ถ้าโปรแกรม antivirus ของคุณไม่ได้มีกาลบหรือจัดการแบบอัตโนมัติ? เราสามารถคลิกคำสั่งในการสั่งจัดการได้ ทั้งนี้ ขึ้นกับแต่ละโปรแกรม เรียกว่า ถ้ามีคำสั่ง "Next" ให้ทำขั้นตอนต่อไป ก็มักแสดงว่า ยังไม่ได้มีการจัดการไวรัสนั้นๆ? แนะนำให้ทำตามขั้นตอนที่หน้าจอ

สแกนไวรัสบนฮาร์ดดิสก์ผ่านตัวโปรแกรมโดยตรง

Scan Virus with Kaspersky

  1. เปิดโปรแกรม antivirus ที่คุณใช้งาน
  2. โดยปกติ จะมีหน้าแท็ป หรือหัวข้อใด หัวข้อหนึ่ง เกี่ยวกับการสั่ง Scan
  3. ให้คลิกเลือกหัวข้อการ scan นั้นๆ
  4. แนะนำให้ scan ทุกๆ drive และเลือก Full Scan (ดูตัวอย่างจากโปรแกรม Kaspersky)
  5. เลือกคำสั่ง Start Scan?
ทั้งนี้ แต่ละคำสั่ง จะขึ้นกับแต่ละโปรแกรม แต่จะมีหลักการเช่นเดียวกันหมด ต้องลองทดสอบดูกันน่ะครับ


ข้อควรทราบการสแกนไวรัส


ระหว่างการสแกนไวรัส อาจทำให้คอมพิวเตอร์ทำงานช้าลง? และทางที่ดีที่สุด แนะนำให้หยุดการเชื่อมต่อระบบเครือข่าย หรืออินเตอร์เน็ตก่อน


วิธีลดปัญหาไวรัสจาก Flash Drive


Scan Virus Flash Drive

  1. ติดตั้งโปรแกรมกำจัดไวรัส Autorun (ไวรัส Autorun เป็นตัวหนึ่งที่เป็นปัญหาหลักของผู้ใช้งาน Flash Drive) อ่านรายละเอียดและวิธีการใช้งานที่นี่
  2. ตรวจสอบไวรัสจาก Flash Drive ก่อนใช้งาน
    1. เสียบ Flash Drive ใน USB drive
    2. รอจนกระทั่งหน้าจอ แสดงว่า สามารถใช้งานได้
    3. ให้กดปุ่ม Windows Logo + E เป็นการเปิดหน้าต่าง Explorer
    4. ให้สังเกตุ drive ของ USB ที่เพิ่งแสดง
    5. ให้คลิกขวาที่ driveของ USB และคลิกคำสั่ง "Scan for Viruses" หรือคำที่มีความหมายใกล้เคียง (ทั้งนี้ ขึ้นกับโปรแกรม Anti-virus แต่ละแบรนด์)
แค่นี้ก็สามารถลดปัญหาได้อย่างมากแล้วครับ สำหรับกรณีที่โปรแกรม anit-virus ของคุณ ตรวจพบไวรัส แนะนำให้ทำการ "Revove" ก่อน ถ้าไม่ได้ให้ "Quarantine" หรือ "Delete" ทิ้งไปจะดีที่สุด แต่ทั้งนี้ คงต้องพิจารณาว่า ไฟล์ที่ติดไวรัสนั้น เป็นไฟล์ของ Windows หรือเปล่า (ซึ่งผู้ใช้งานทั่วไป อาจไม่สาเหตุวิเคราะห์ได้ แต่ก็ต้องเสี่ยงบ้าง)?หรือไฟล์งานของคุณหรือเปล่า

วิธีการติดตั้ง Nod32

 

วิธีการติดตั้ง Nod32 V.4

ป้องกันไวรัส กับ NOD32 4.0.68 BETA + วิธีอัพเดทและติดตั้งด้านใน ESET NOD32 Antivirus 4.0.68 BETA :โปรแกรมป้องกันไวรัสแบบ Real-Time NOD32… ซึ่งได้รับความนิยม ซึ่งอาจจะเป็นเพราะตัวซอฟแวเองมีขนาดเล็ก และ ไม่กินแรงเครื่อง และยังป้แงกันไวรัสแบบ Real-Time ป้องกันไวรัส หนอน ม้าโทรจัน สปายแวร์ และอื่่นๆ ในเครื่องคุณ หากว่าซ้ำยังงัยก็ขออภัยด้วยนะครับ

วิธีการติดตั้ง ESET NOD32 Antivirus 4.0.68 32




1.ดับเบิ้ลคลิกที่ไฟล์ eav_nt32_enu.
2.คลิก Next

3.เลือก I accept ...... คลิก Next






4.เลือก Typical... คลิก Next
6.เลือก Enable detection คลิก Next


5. คลิก Next

7.คลิก Install

8.คลิก Finsh



** หลังจากนั้นรอโปรแกรมทำงาน สัก 1 - 2 นาที มันจะอัพเดทฐาน

วันอาทิตย์ที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

การติดตั้งโปรแกรม Avira AntiVir Personal

การติดตั้งโปรแกรม Avira AntiVir Personal

Avira AntiVir Personal - FREE Antivirus เป็นโปรแกรมฟรีแวร์สำหรับป้องกันไวรัสคอมพิวเตอร์ที่ให้ดาวโหลดมาใช้งานกันได้ฟรี โดยมีความสามารถในการป้องกันไวรัสได้ดีและเป็นที่นิยมใช้งานจากผู้ใช้งานจำนวนมากทั่วโลก มาดูขั้นตอนในการติดตั้งและใช้งานโปรแกรมกันสักเล็กน้อย

1 หลังจากดาวโหลดโปรแกรมมาแล้ว ให้เราทำการดับเบิลคลิกเพื่อเปิดไฟล์การติดตั้งขึ้นมา ตามภาพด้านล่างโดยให้เราคลิกที่ปุ่ม Run

2 จากนั้นให้เราคลิกที่คำสั่ง Accept เพื่อเริ่มเข้าสู่หน้าต่างการติดตั้งถัดไปตามภาพ

3 จะมีกรอบหน้าต่างแสดงการต้อนรับเข้าสู่การติดตั้งโปรแกรมให้เราคลิก Next next

4 จากนั้นให้เราคลิกปุ่ม next ต่อไป

5 ให้เราคลิกปุ่มยอมรับเงื่อนไขการใช้งาน และคลิกปุ่ม Next

6 จะแสดงข้อมูลเงื่อนไขการใช้งานอีกครั้ง ให้เรายอมรับ จากนั้นให้คลิก next

7 ตัวเลือกการติดตั้งมี 2 แบบ ให้เราเลือกแบบ Complete

8 การลงทะเบียนผลิตภัณฑ์ ให้เราคลิก Check box ออก ทั้งสองอัน (ไม่ต้องลง) จากนั้นคลิก Next

9 ภาพแสดงความคืบหน้าการติดตั้ง


10 การติดตั้งที่สมบูรณ์ให้เราคลิก Finish

11 จะมีแถบข้อความแจ้งว่าเราต้องการ update ฐานข้อมูลไวรัสขึ้นมาให้เราตอบตกลงโดยเลือก Yes

12 จากนั้นดปรแกรมก็จะทำการเชื่อมต่อกับฐานข้อมูลของผู้ผลิตเพื่อทำการ update ข้อมูลไวรัสให้ทันสมัย เราต้องคอยประมาณ 5-10 นาทีโดยประมาณ

12 หลังการ update เมื่อเราเปิดโปรแกรมขึ้นมาจะมีข้อมูลแสดงให้เราทราบ เป็นข้อมูลวันเวลาที่โปรแกรมสามารถใช้งานได้ ,ข้อมูลแสดงการ update ซึ่งปกติถ้าเราทำถูกต้องจะมีติ้กถูกเป็นสีเขียว และในส่วนของการ scan system now แนะนำให้คลิก เพื่อให้โปรแกรม scan หาไวรัสในเครื่องของเรา (อาจจะใช้เวลานานพอสมควร ให้ทำตอนว่างๆ)

วันอังคารที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

วิธีการติดตั้ง printer และการ share printer

วิธีการติดตั้ง printer และการ share printer

บทความนี้ป๋มขอแบ่ง เป็น 2 ส่วน ดังนี้
ส่วนที่ 1 เครื่อง Server (เครื่องแม่)เป็นเครื่องที่ต้องต่อกับ Printer โดยตรง  ซึ่งผมขอตั้งเป็น ชื่อ Server01 (ผมสมมุติขึ้นไม่ต้องตั้งตามก็ได้)
ส่วนที่ 2 เครื่อง Client  (เครื่องลูก)
**** หมายเหตุ ผมขอใช้เป็น เครื่อง server เนี่ยะหมายถึงเครื่องที่ต่อ กับ Printer นะครับไม่ได้หมายความว่าคุณจะต้องซื้อเครื่อง Server

เรามาเริ่มกันเลยดีกว่านะครับ ในส่วนที่ 1 เครื่อง Server (เครื่องแม่)
1.1 การ ติดตั้ง Printer
ก่อน อื่นเราจะต้องทำการติดตั้งเครื่อง Printer เสียก่อน บางท่านการติดตั้งเครื่อง Printer นั้นเป็นเรื่องง่าย  แต่ผู้คนบางกลุ่ม อาจจะไม่เคยติดตั้ง Printer เลย ดังนั้นผมจึงขอเสนอ ตั้งแต่เริ่มต้นทำการการติดตั้ง Printer
วิธีการติดตั้ง Printer
1.1.1 ให้คุณไปที่ Start >>> Setting >>> Printer and Faxes


1.1.2 เลือก Add Printer
1.1.3 คลิ๊ก Next

1.1.4 เลือกไปที่ Local printer attached this computer และเอาเครื่องหมายถูก ที่ Automatic detect and install my Plug and Play Printer ออก  จากนั้น คลิก Next
1.1.5 ในช่อง Use the following port เราสามารถเปลี่ยนเป็น port ที่เราต้องการได้ ในที่นี้ผมไม่เปลี่ยนนะครับ เลยจะได้เป็น LPT1 เหมือนในรูป จากนั้นคลิ๊ก Next นะครับ
1.1.6 ขั้นต่อมาจะเป็นการติดตั้ง Driver ให้กับเครื่อง Printer นะครับ ให้เราเลือกไปที่ Have Disk เพื่อทำการเลือก Driver ให้กับ Printer


1.1.7 เลือก ที่ Browse เพื่อหา Driver ให้กับเครื่อง Printer ซึ่งขึ้นอยู่กับของแต่ละคนว่าอยู่ที่ไหน แต่ส่วนมากจะอยู่ที่ Dive CD Rom ดังนั้น ให้ทำการ Browse ไปที่ Drive Cd Rom นะครับ


1.1.8  เมื่อเจอ Driver แล้ว ทำการ คลิก Next ได้เลยนะครับ

1.1.9 ตรง Printer Name เราสามารถเปลี่ยนชื่อได้ตามที่ต้องการนะครับ เมื่อได้ชื่อที่ต้องการ ให้ คลิก Next


1.2 การ Share Printer
1.2.1 หลังจากที่เราทำมาจนถึง ข้อ 1.1.9  ก็จะมาถึงหน้าที่ เราจะต้องทำการ Share Printer แล้วละครับ
ให้เราตั้งชื่อ เครื่อง Printer ที่เราต้องการ จะ Share ในช่อง Share Name จากนั้นคลิก Next


1.2.2 ตรง Location และ Comment นั้น คุณ จะใส่หรือไม่ใส่ก็ได้ แต่ผมแนะนำให้ใส่ เกิดคุณมีเครื่อง Printer หลายตัว การตั้งชื่อและการ บอก Location จะทำให้คุณจดจำมันได้ง่าย
1.2.3 ในหน้าถัดมา มันจะเป็น หน้าทดสอบ การ Print เช่น กันจะทดสอบหรือไม่ก็ได้ 
ถ้าต้องการ ทดสอบ ให้ คลิกที่ Yes
ถ้าไม่ต้องการทดสอบให้คลิกที่ No
แต่แนะนำให้คลิกที่ Yes เพื่อทำหารทดสอบ เราจะได้รู้ว่า เครื่อง printer สามารถทำงานได้จริงหรือไม่ จากนั้นคลิก Next
1.2.4 เสร็จแล้วละครับ ให้เรา คลิ๊กที่ Finish ได้เลย

1.2.5 ให้เราเข้าไปดูใน Printer and Faxes อีกครั้ง โดยไปที่ Start >>> Setting >>> Printer and Faxes จะเห็นว่าเครื่อง Printer ที่เราเพิ่งได้ทำการติดตั้งไป มีลักษณะของการ Share แล้ว (เป็นรูปมือ)
จบในส่วนที่ 1 ซึ่งเป็นส่วนของ Server เครื่อง Printer แล้วครับ

ส่วนที่ 2 เครื่องลูกหรือเครื่อง Client

2.1 การ Add Printer
ทำได้ง่ายมากคับ ให้คุณไปที่ Start >>>>Run>>>>
2.2
พิมพ์ข้อความ ดังนี้ \\ชื่อเครื่องคอมพิวเตอร์หรือip ของเครื่องที่เปิด Share print(เครื่อง Server ) เลือกเอาอย่างใดอย่างหนึ่งนะครับ
สมมุติว่าผมตั้งชื่อเครื่อง computer ที่เปิด Share Printer ชื่อว่า server01 มี Ip 192.168.0.1
ผมก็จะพิมพ์ข้อความลงไปดังนี้

\\server01
หรือ
\\192.168.0.1
2.3 จากนั้นเราจะเข้าสู่หน้าต่างของเครื่อง Server01 นะครับ
เราจะมองเห็นเครื่อง Printer ที่เครื่อง Server01 ทำการเปิด Share ไว้นะครับ (ที่เราติดตั้งไปในส่วนที่ 1)

2.4 ให้ไปคลิ๊กขวาที่เครื่อง Printer นะครับ จากนั้นเลือก Connect นะครับ และรอซักครู่นะครับ

2.5 ให้เราตรวจสอบอีกครั้งว่าเรา connect printer สำเร็จหรือไม่นะครับ
ไปที่ Start >>> Setting >>>Printer and Faxes เพื่อดูเครื่อง Printer ที่เรา Connect เข้ามา
2.6 ถ้าเห็นว่ามีชื่อเครื่อง Print ที่เราได้ Connect มาเมื่อกี้ก็แสดงว่าเราทำสำเร็จ !!!!
+++ดีใจด้วยนะครับ+++
2.7 ให้เราลอง Print เอกสารนะครับ
เปิดโปรแกรม Word หรือ อะไรก็ได้ที่ มันสามารถสั่ง Print ได้ ลองสั่ง print นะครับ ในกรณีที่คุณใช้โปรแกรม word ให้คุณไปที่ File>> Print >>> เราจะเห็นช่องแรกนะครับ คือช่อง Name ให้เราเลือกเป็นชื่อเครื่อง Printer ที่เราจะทำการสั่ง Print แล้วคลิ๊ก OK ครับ

 
รอกระดาษออก มา
เป็นอันจบสิ้นบท ความของ ผม
ใครมีปัญหาใดๆเกี่ยวกับ บท ความนี้ เข้ามาถามในกระกู้นี้นะครับ ผมจะเข้ามาดูเรื่อยๆ  ครั้งหน้าเราจะมาลองดูวิธีการ Share File หรือการใช้งาน ไฟล์ ร่วมกัน

วันจันทร์ที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

อุปกรณ์ต่อพ่วงคอมพิวเตอร์

อุปกรณ์ต่อพ่วงคอมพิวเตอร์

1. เครื่องพิมพ์ชนิดต่าง ๆ (Printer)
               เครื่องพิมพ์ เป็นอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อเข้ากับคอมพิวเตอร์เพื่อทำหน้าที่ในการแปลผลลัพธ์ที่ได้จาก การประมวลผลของเครื่องคอมพิวเตอร ์ให้อยู่ในรูปของอักขระหรือรูปภาพที่จะไปปรากฏอยู่บนกระดาษ นับเป็นอุปกรณ์แสดลงผลที่นิยมใช้ เครื่องพิมพ์แบ่งออกเป็น 4 ประเภท
    1. เครื่องพิมพ์ดอตแมทริกซ์ (Dot Matrix Printer)
                  เครื่องพิมพ์ดอตแมทริกซ์เป็นเครื่องพิมพ์ที่นนิยมใช้งานกันแพร่หลายมากที่สุด เนื่องจากราคา และคุณภาพการพิมพ์อยู่ในระดับที่เหมาะสม การทำงานของเครื่องพิมพ์ชนิดนี้ใช้หลักการสร้างจุด ลงบน กระดาษโดยตรง หัวพิมพ์ของเครื่องพิมพ์ มีลักษณะเป็นหัวเข็ม (pin) เมื่อต้องการพิมพ์สิ่งใดลงบนกระดาษ หัวเข็มที่อยู่ในตำแหน่งที่ประกอบกันเป็น ข้อมูลดังกล่าวจะยื่นลำหน้าหัวเข็มอื่น เพื่อไปกระแทกผ่านผ้าหมึก ลงบนกระดาษ ก็จะทำให้เกิดจุดขึ้น การพิมพ์แบบนี้จะมีเสียงดัง พอสมควร ความคมชัดของข้อมูลบน กระดาษขึ้นอยู่กับจำนวนจุด ถ้าจำนวนจุดยิ่งมากข้อมูลที่พิมพ์ลงบนกระดาษก็ยิ่งคมชัดมากขึ้น ความเร็ว ของเครื่องพิมพ์ดอตแมทริกซ์อยู่ระหว่าง 200 ถึง 300 ตัวอักษรต่อวินาที หรือประมาณ 1 ถึง 3 หน้าต่อนาที เครื่องพิมพ์ดอตแมทริกซ์ เหมาะสำหรับงานที่พิมพ์แบบฟอร์มที่ต้องการซ้อนแผ่นก๊อปปี้ หลาย ๆ ชั้น เครื่องพิมพ์ชนิดนี้ ใช้กระดาษต่อเนื่องในการพิมพ์ ซึ่งกระดษาประเภทนี้จะมีรูข้างกระดาษทั้งสองเอาให้ หนามเตยของเครื่องพิมพ์เลื่อนกระดาษ
    2. เครื่องพิมพ์แบบพ่นหมึก (Ink-Jet Printer)
                  เครื่องพิมพ์พ่นหมึก เป็นเครื่องพิมพ์ที่มีคุณภาพการพิมพ์ที่ดีกว่าเครื่องพิมพ์แบบดอตแมทริกซ์ โดยสามารถพิมพ์ตัวอักษรที่มีรูปแบบ และขนาดที่แตกต่งกันมาก ๆ รวมไปถึง พิมพ์งานกราฟิกที่ให้ผลลัพธ์ คมชัดว่าเครื่องพิมพ์ดอตแมทริกซ์ เทคโนโลยีที่เครื่องพิมพ์พ่นหมึก ใช้ในการพิมพ์ก็คือ การพ่นหมึกหยดเล็ก ๆ ไปที่กระดาษ หยดหมึกจะมีขนาดเล็กมาก แต่ละจุดจะอยู่ในตำแหน่งที่เมื่อประกอบกันแล้ว เป็นตัวอักษร หรือรูปภาพ ตามความต้องการ เครื่องพิมพ์พ่นหมึกมีความเร็วในการพิมพ์ มากว่าแบบดอตแมทริกซ์ มีหน่วยวัดความเร็วเป็นในการ พิมพ์เป็น PPM (Page Per Minute) ซึ่งเร็วกว่าเครื่องพิมพ์ดอตแมทริกซ์มาก อย่างไรก็ตามถ้าเป็นการพิมพ์ กราฟิกหรือตัวอักษรที่มีรูปแบบในเวลาเดียวกัน เครื่องพิมพ์พ่นหมึกจะทำงานได้ช้าลง กระดาษที่ใช้กับเครื่อง พิมพ์พ่นหมึกจะเป็นขนาด 8.5 X 11 นิ้ว หรือ A4 ซึ่งสามารถพิมพ์ได้ ทั้งแนวตั้งที่เรียกว่า "พอร์ทเทรต" (Portrait) และแนวนอนที่เรียกว่า "แลนด์สเคป" (Landscape) โดยกระดาษจะถูกวางเรียงซ้อนกัน อยู่ในถาด และถูกป้อน เข้าไปในเครื่องพิมพ์ที่ละแผ่นเหมือนเครื่องถ่ายเอกสาร
    3. เครื่องพิมพ์เลเซอร์ (Laser Printer)
                  เครื่องพิมพ์เลเซอร์ เป็นเครื่องที่มีคุณสมบัติเหมือนกับเครื่องพิมพ์แบบพ่นหมึก แต่สามารถทำงาน ได้เร็วกว่า โดยเครื่องพิพม์เลเซอร์ สามารถพิมพ์ตัวอักษรได้ทุกรูปแบบและทุกขนาดรวมทั้งสามารถพิมพ์งาน กราฟิกที่คมชัดได้ด้วย เครื่องเลเซอร์ใช้เทคโนโลยี เดียวกับเครื่องถ่ายเอกสาร คือยิงเลเซอร์ไปสร้างภาพบน กระดาษในการสร้างรูปภาพ หรือตัวอักษรบนกระดาษ
                  หน่วยวัดความเร็วของเครื่องพิมพ์เลเซอร์จะเป็น PPM เช่นเดียวกับ เครื่องพิมพ์พ่นหมึกในปัจจุบัน ความสามารถ ในการพิมพ์ของเครื่องพิมพ์เลเซอร์คุณภาพสูง สามารถพิมพ์ได้หลายร้อยหน้าต่อนาที ซึ่งเหมาะ กับงานในองค์กรขนาดใหญ่ จะนำไปใช้งานในการพิมพ์เอกสารต่าง ๆ ส่วนคุณภาพงานพิมพ์ของเครื่องจะวัด ด้วยความละเอียดในการสร้างจุดลงในกระดาษ ขนาด 1 ตารางนิ้ว เช่นความละเอียดที่  300 dpi หรือ 600 dpi หรือ 1200 dpi เครื่องพิมพ์เลเซอร์ที่นิยมใช้ในปัจจุบัน ก็จะมีทั้งเครื่องพิมพ์เลเซอร์แบบ ขวา-ดำ และเครื่องพิมพ์ เลเซอร์แบบสี ซึ่งเครื่องพิมพ์เลเซอร์แบบสีจะมีราคาแพงมาก แต่งานพิมพ์ที่ได้ออกมาก็มีคุณภาพสูง



4. พล็อตเตอร์ (plotter)
                  พล็อตเตอร์ เป็นเครื่องพิมพ์ชนิดที่ใช้ปากกาในการเขียนข้อมูลต่างๆ ลงบนกระดาษเหมาะสำหรับงาน เกี่ยวกับการเขียนแบบทางวิศวกรรม (เขียนลงบนกระดาษไข) และงานตกแต่งภายใน สำหรับวิศวกรรมและสถาปนิก
                  พล็อตเตอร์ทำงานโดยใช้วิธีเลื่อนกระดาษ โดยสามารถใช้ปากกาได้ 6-8 สี ความเร็วในการทำงานของ พล็อตเตอร์มีหน่วยวัดเป็นนิ้วต่อวินาที (Inches Per Secon : IPS) ซึ่งหมายถึงจำนวนนิ้วที่พล็อตเตอร์สามารถ เลื่อนปากกาไปบนกระดาษ
2. เครื่องสแกนภาพ (Scanner)
                  สแกนเนอร์ (Scanner) คืออุปกรณ์ซึ่งจับภาพและเปลี่ยนแปลงภาพจากรูปแบบของ อนาล็อกเป็นดิจิตอล ซึ่งคอมพิวเตอร์สามารถแสดง เรียบเรียง เก็บรักษาและผลิต ออกมาได้ ภาพนั่นอาจจะเป็น รูปถ่าย ข้อความ    ภาพวาด หรือแม้แต่วัตถุสามมิติ สามารถใช้สแกนเนอร์ทำงานต่างๆ  ได้ดังนี้
    • ในงานเกี่ยวกับงานศิลปะหรือภาพถ่ายในเอกสาร
    • บันทึกข้อมูลลงในเวิร์ดโปรเซสเซอร์  
    • แฟ็กเอกสาร ภายใต้ดาต้าเบส และ เวิร์ดโปรเซสเซอร์  
    • เพิ่มเติมภาพและจินตนาการต่าง ๆ ลงในในผลิตภัณฑ์สื่อโฆษณาต่าง ๆ โดยพื้นฐานการทำงานของสแกนเนอร์
       ชนิดของสแกนเนอร์ และความ สามารถในการทำงาน ของสแกนเนอร์แบ่งออกได้ดังต่อไปนี้     
                1. Flatbed scanners ซึ่งใช้สแกนภาพถ่ายหรือภาพพิมพ์ต่าง ๆ สแกนเนอร์ชนิดนี้มีพื้นผิวแก้วบนโลหะที่เป็นตัวสแกน เช่น ScanMader III
                 2. Transparency and slide scanners ScanMaker ซึ่งถูกใช้ สแกนโลหะโปร่ง เช่นฟิล์มและสไลด์ ตัวอย่างของสแกนเนอร์ชนิดนี้ เช่น ScanMaker 35t ที่ใช้สแกนเนอร์ 35 mm และ ScanMake 45t ใช้สแกนเนอร์ ฟิล์มขนาด 8"x10"การทำงานของสแกนเนอร์ การจับภาพ ของสแกนเนอร์ ทำโดย ฉายแสงบนเอกสารที่จะสแกน แสงจะผ่านกลับไปมาและภาพจะถูกจับโดยเซลล์ ที่ไว ต่อแสง เรียกว่า Charge-couple device หรือ CCD ซึ่งโดยปกติพื้นที่มืดบน กระดาษจะสะท้อนแสง ได้น้อยและพื้นที่ที่สว่างบนกระดาษจะสะท้อนแสง ได้มาก กว่า CCD จะสืบหาปริมาณแสงที่สะท้อนกลับจากแต่ละพื้นที่ของภาพนั้น และ เปลี่ยนคลื่นของแสง ที่สะท้อนกลับมาเป็นข้อมูลดิจิตอลหลังจากนั้นซอฟต์แวร์ ที่ใช้สำหรับการสแกนภาพก็จะแปลงสัญญาณเหล่านั่นกลับมาเป็นภาพบนคอมพิวเตอร์อีกทีหนึ่ง  
      สิ่งที่จำเป็นสำหรับการสแกนภาพ  มีดังนี้
    • SCSI และสาย SCSI หรือ Parallel Port สำหรับต่อจากสแกนเนอร์ ไปยังเครื่องคอมพิวเตอร์  
    • ซอฟต์แวร์สำหรับการสแกนภาพซึ่งทำหน้าที่ควบคุมการทำงานของสแกนเนอร์ให้สแกนภาพตามที่กำหนด  
    • สแกนเอกสารเก็บไว้เป็นไฟล์ที่นำมาแก้ไขได้อาจต้องมีซอฟแวร์ที่สนับ สนุนด้าน OCR
    • จอภาพที่เหมาะสมสำหรับการแสดงภาพที่สแกนมาจากสแกนเนอร์  
    • เครื่องมือสำหรับแสดงพิมพ์ภาพที่สแกน เช่น เครื่องพิมพ์แบบเลเซอร์ หรือสไลด์โปรเจคเตอร์
       ประเภทของภาพที่เกิดจากการสแกน แบ่งเป็นประเภทดังนี้
                 -  ภาพ Single Bit   เป็นภาพที่มีความพยาบมากที่สุดใช้พื้นทีในการเก็บข้อมูลน้อยที่สุด และนำมาใช้ประโยชน์อะไรไม่ค่อยได้ แต่ข้อดีของภาพประเภทนี้คือ ใช้ทรัพยากร จองเครื่องน้อยที่สุดใช้พื้นที ในการเก็บข้อมูลน้อยที่สุด ใช้ระยะเวลาในการสแกน ภาพน้อยที่สุด Single Bit แบ่งออกได้สองประเภทคือ - Line Art ได้แก่ภาพที่มีประกอบเป็นภาพขาวดำตัวอย่างของภาพ พวกนี้ได้แก่ ภาพจากการสเก็ต  Halfone ภาพพวกนี้จะให้เป็นสีโทนสีเทามากกว่า แต่โดยทั่วไปยังถูกจัดว่าเป็นภาพประเภท Single Bit เนื่องจากเป็นภาพหยาบ ๆ
                 -  ภาพ Gray Scale ภาพพวกนี้จะมีส่วนประกอบมากกว่าภาพขาวดำ โดยจะประกอบด้วยเฉด สีเทาเป็นลำดับขั้น ทำให้เห็นรายละเอียดด้านแสง-เงา ความชัดลึก มากขึ้นกว่าเดิม ภาพพวกนี้แต่ละพิกเซลหรือแต่ละจุดของภาพอาจประกอบ ด้วยจำนวนบิตมากกว่า ต้องการพื้นที่เก็บข้อมูลมากขึ้น
                -   ภาพสี หนึ่งพิกเซลของภาพสีนั้นประกอบด้วย จำนวนบิตมหาศาล และใช้พื้นที่เก็บข้อมูลมากความ สามารถ ในการสแกนภาพออกมาได้ละเอียดขนาด ไหนนั้น ขึ้นอยู่กับสแกนเนอร์มีขนาดความละเอียด เท่าไร




. โมเด็ม (Modem)
               เป็นอุปกรณ์สำหรับคอมพิวเตอร์อย่างหนึ่งที่ช่วยให้คุณสัมผัสกับโลกภาย นอกได้อย่างง่ายดาย โมเด็มเป็นเสมือนโทรศัพท์สำหรับคอมพิวเตอร์ที่จะช่วยให้ระบบ คอมพิวเตอร์ของเราสามารถสื่อสารกับคอมพิวเตอร์อื่นๆ ได้ทั่วโลก โมเด็มจะสามารถ ทำงานของเราสามารสื่อสารกับคอมพิวเตอร์อื่นๆ ได้ทั่วโลก โมเด็มจะสามารถทำงาน ของคุณให้สำเร็จได้ก็ด้วย การเชื่อมต่อระหว่างคอมพิวเตอร์ของคุณเข้าคุ่สายของ โทรศัพท์ธรรมดาคู่หนึ่งซึ่งโมเด็ม จะทำการแปลงสัญญาณ ดิจิตอล (digital signals) จากเครื่องคอมพิวเตอร์ให้เป็นสัญญาณ อนาล๊อก (analog signals) เพื่อให้สามารถส่งไปบนคู่สายโทรศัพท์
               คำว่า โมเด็ม (Modem) มาจากคำว่า (modulate/demodulate) ผสมกัน  หมายถึง กระบวนการแปลงข้อมูลข่าวสารดิจิตอลให้อยู่ในรูปของอนาล๊อกแล้วจึง สัญญาณกลับไปเป็นดิจิตอลอีกครั้งหนึ่งเมื่อโมเด็มของเราต่อเข้ากับโมเด็มตัวอื่น
               ความสามารถของโมเด็ม    เราสามารถใช้โมเด็มทำอะไรต่าง ๆ ได้หลายอย่าง เช่น
    • ใช้บริการต่างๆ จากที่บ้าน เช่นสั่งซื้อของผ่านอินเตอร์เน็ต  
    • ท่องไปบนอินเตอร์เน็ต  
    • เข้าถึงบริการออนไลน์ได้  
    • ดาวน์โหลดข้อมูล , รูปภาพและโปรแกรมแชร์แวร์ได้  
    • ส่ง - รับโทรสาร  
    • ตอบรับโทรศัพท์
                 ความแตกต่างของโมเด็ม
                 1. ความเร็วในการรับ - ส่งสัญญาณ  ความเร็วในการรับ-ส่งสัญญาณ หมายถึง อัตรา (rate) ที่โมเด็ม สามารถทำการแลกเปลี่ยนข้อมูลกับโมเด็ม อื่นๆ มีหน่วยเป็นบิต /วินาที (bps) หรือ กิโลบิต/ วินาที (kbps)    ในการบอกถึง ความเร็วขอโมเด็มเพื่อให้ง่ายในการ พูดและจดจำ
                 2. ความสามารถในการบีบอัดข้อมูล   ข้อมูลข่าวสารที่ส่งออกไปบนโมเด็มนั้น สามารทำให้มีขนาดกะทัดรัด ด้วย วิธีการบีบอัดข้อมูล (compression) ทำให้สามารถส่งข้อมูลได้ครั้งละเป็นจำนวน มากๆ
                 3. ความสามารถในการใช้เป็นโทรสาร โมเด็มรุ่นใหม่ ๆ สามารถส่งและรับโทรสาร(Fax  capabilities) ได้ดีเช่น เดียวกับ การรับ ส่งข้อมูล หากคุณมีซอฟแวร์ที่เหมาะสมแล้วคุณสามารถใช้ แฟคซ์ โมเด็มเป็นเครื่องพิมพ์ (printer) ได้เมื่อเราพิมพ์เข้าไปที่แฟคซ์โมเด็มมันจะส่งเอกสาร ของเราไปยังเครื่องโทรสารที่ปลายทางได้
                4. ความสามารถในการควบคุมความผิดพลาด โมเด็มจะใช้วิธีการควบคุมความผิดพลาด (error control) ต่าง ๆ มากมาย หลายวิธีในการตรวจสอบเพื่อการยืนยันว่า จะไม่ข้อมูลใด ๆสูญหายไประหว่างการส่ง ถ่ายข้อมูลจากคอมพิวเตอร์ เครื่องหนึ่งไปยังอีกเครื่องหนึ่ง
                5. ออกแบบให้ใช้ได้ทั้งภายในและภายนอก โมเด็มที่จำหน่ายในท้องตลาดทั่ว ๆ ไปจะมี 2 รูปแบบ คือ โมเด็มแบบติด ตั้งภายนอก (external modems) และแบบติดตั้งภายใน (internal modems)
                6.ใช้เป็นโทรศัพท์ได้ โมเด็มบางรุ่นมีการใส่วงจรโทรศัพท์ธรรมดาเข้าไปพร้อมกับความสามารถ ในการรับ/ ส่งข้อมูลและโทรสารด้วย

วันอาทิตย์ที่ 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

ข้อสอบวิชาระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์
ตอนที่ 2 จงเลือกคำตอบที่ถูกที่สุดเพียงข้อเดียวแล้วทำเครื่องหมาย X ลงในกระดาษคำตอบ
1. เครือข่ายระดับต่อไปนี้ สามารถติดต่อส่งข้อมูลระหว่างเครื่องได้ไกลที่สุด
ก. เครือข่าย MAN
ข. เครือข่าย WAN
ค. เครือข่าย LAN
ง. ทุก ๆ เครือข่ายสามารถส่งข้อมูลได้ไกลเหมือน ๆ กัน ซึ่งอยู่ที่สายสัญญาณ

2. ข้อใดกล่าวถึงการทำงานแบบ Multiuser
ก. สามารถเปิดใช้คอมพิวเตอร์ได้ทีละหลาย ๆ เครื่องข. สามารถใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์ทีละหลาย ๆ หลาย ๆ โปรแกรม
ค. สามารถใช้คอมพิวเตอร์ทำงานได้ทีละหลาย ๆ งาน
ง. สามารถใช้คอมพิวเตอร์เครื่องเดียวกันพร้อม ๆ กัน และใช้โปรแกรมได้ทีละหลาย ๆ โปรแกรม

3. ข้อใดเป็นความสามารถของคอมพิวเตอร์ที่เรียกว่า Multiprocessing
ก. สามารถเปิดใช้คอมพิวเตอร์ได้ทีละหลาย ๆ เครื่อง
ข. สามารถใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์ทีละหลาย ๆ หลาย ๆ โปรแกรม
ค. สามารถใช้คอมพิวเตอร์ทำงานได้ทีละหลาย ๆ งาน
ง. สามารถใช้คอมพิวเตอร์เครื่องเดียวกันพร้อม ๆ กัน และใช้โปรแกรมได้ทีละหลาย ๆ โปรแกรม

4. เครือข่ายระดับใดมักใช้สัญญาณดาวเทียมช่วยในการสื่อสาร
ก. เครือข่าย MAN
ข. เครือข่าย WAN
ค. เครือข่าย LAN
ง. ถูกทุกข้อ

5. ระบบเครื่อข่ายประเภทใดในปัจจุบันเป็นที่นิยมมากที่สุด
ก. เครือข่าย MAN
ข. เครือข่าย WAN
ค. เครือข่าย LAN

ง. เครือข่าย SAN

6. จากคำตอบข้อที่ 5 ข้อจำกัดของเครือข่ายประเภทนี้คือข้อใด
ก. ความเร็วต่ำ
ข. เชื่อมต่อในพื้นที่ที่จำกัด
ค. เชื่อมต่อในระยะทางที่จำกัด
ง. เชื่อมต่อเครือข่ายค่อนข้างซับซ้อน7. เครือข่ายประเภทใดไม่มีมาตรฐานกำหนดให้ชัดเจน
ก. MAN
ข. WAN
ค. LAN
ง. SAN
8. ข้อใดกล่าวผิด
ก.เครือข่ายไร้สายมีความเร็วที่ต่ำกว่าเครือข่ายท้องถิ่นข. เครือข่ายท้องถิ่นมีขนาดเล็กกว่าเครือข่าย MANค. เครือข่าย WAN เป็นเครือข่ายที่สามารถเลือกหนทางการส่งข้อมูลได้หลายวิธี
ง. เครือข่ายแบบไร้สายเป็นเครือข่ายที่มีข้อผิดพลาดในการส่งข้อมูลน้อย

9. ข้อใดหมายถึง โปรโตคอล
ก. รูปแบบการเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์ในระบบเครือข่ายข. มาตรฐานการเชื่อมต่อเครือข่ายคอมพิวเตอร์
ค. ภาษากลางที่ใช้สื่อสารเพื่อติดต่อกันในเครือข่าย
ง. คุณสมบัติหนึ่งของมาตรฐาน IEEE 802

10. ISO โมเดล คือข้อใด
ก. องค์การระหว่างประเทศเพื่อกำหนดรูปแบบการติดต่อเครือข่าย
ข. มาตรฐานการสื่อสารคอมพิวเตอร์ระบบเปิด
ค. วิธีการเชื่อมต่อเครือข่ายวิธีหนึ่งง. สมาคมเพื่อการติดต่อแลกเปลี่ยนข้อมูลบนเครือข่าย

11. ข้อใดกล่าวถึง IEEE ได้ถูกต้องที่สุด
ก. เป็นสถาบันกำหนดมาตรฐานของโปรโตคอล ที่ใช้เชื่อต่อ LANข. วิธีการเชื่อต่อเครือข่ายคอมพิวเตอร์กับเครือข่ายคอมพิวเตอร์
ค. สมาคมเพื่อการติดต่อแลกเปลี่ยนข้อมูลบนระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์
ง. องค์การระหว่างประเทศเพื่อกำหนดระดับของเครือข่าย

12. สิ่งใดในเครือข่ายที่ผู้ใช้ไม่สามารถใช้ร่วมกันได้
ก. File Severข. Network Interface Card
ค. Printer
ง. Application
13. Wirless LAN หมายถึงข้อใด
ก. เครือข่าย LAN ที่ใช้สาย UTP ในการเชื่อมต่อ
ข. เครือข่าย LAN ที่ใช้สาย Coxcial ในการเชื่อมต่อ
ค. เครือข่าย LAN ที่ใช้สาย Fiber Optic ในการเชื่อมต่อ
ง. เครือข่ายที่ไม่ใช้สายในการเชื่อมต่อแต่ใช้คลื่นวิทยุแทน14. ข้อใดกล่าวถึงประโยชน์ของเครือข่าย LAN ไม่ถูกต้อง
ก. การใช้อุปกรณ์เก็บข้อมูลร่วมกัน หมายถึง การเก็บข้อมูลที่ File Sever
ข. การใช้อุปกรณ์ต่อพ่วงร่วมกัน หมายถึง การใช้อุปกรณ์ทุก ๆ อุปกรณ์ที่ต่อเชื่อมในระบบ
ค. การใช้งานในลักษณะผู้ใช้หลาย ๆ คน ผู้ใช้ทุกคนใช้โปรแกรมหรือข้อมูลทุกอย่างจากทุก ๆ แหล่งข้อมูลในระบบเครือข่าย
ง. การใช้โปรแกรมร่วมกัน หมายถึง ตัวโปรแกรมเป็นโปรแกรมที่ใช้สำหรับ LAN ได้โดยติดตั้งที่เครื่อง Sever เพียงแหล่งเดียว และ Sever จะคอยบริการซอฟต์แวร์ให้กับคอมพิวเตอร์ในเครือข่าย

15. สิ่งใดต่อไปนี้มีความจำเป็นต้องใช้ในการเชื่อต่อเครือข่ายแบบ BUS น้อยที่สุด
ก. LAN Card
ข. Network Operating System
ค. HUB
ง. Topology
16. อุปกรณ์ในข้อใดทำหน้าที่แปลงสัญญาณจากสัญญาณอนาล๊อคเป็นสัญญาณดิจิตอลหรือจากสัญญาณดิจิตอลเป็นสัญญาณอนาล๊อค
ก. User Card
ข. LAN Card
ค. Network Interface Card
ง. ข้อ ข. และ ค. ถูก
17. สายสัญญาณใดมีความสามารถในการส่งสัญญาณเร็วที่สุด
ก. Coaxial Cable
ข. Shielded Twisted Pair Cableค. Unshielded Twisted Pair Cable
ง. Fiber Optic Cable

18. สายโคแอ๊กเชียลมีโครงสร้างที่เหมือนกับสายใดในบ้านเรา
ก.สายโทรศัพท์ข. สายอากาศทีวี
ค. สายไฟ
ง. สายลวดทองแดง

19. สายคู่บิดเกลียวมีโครงสร้างที่เหมือนกับสายใดในบ้านเรา
ก.สายโทรศัพท์
ข. สายอากาศทีวี
ค. สายไฟ
ง. สายลวดทองแดง
20. ข้อดีของสายคู่บิดเกลียวคือ
ก. ราคาแพง
ข. เป็นสายที่เปราะและหักในได้ง่าย
ค. เกิดสัญญาณรบกวนได้ง่าย
ง. ถูกทั้งข้อ ข. และ ค
21. สายสัญญาณประเภทใดที่มีราคาแพงที่สุด
ก. สายโคแอ๊กเชียลข. สายไฟเบอร์ออฟติก
ค. สายยูทีพี
ง. สายเอสทีพี

22 ข้อใดเป็นอุปกรณ์ที่ใช้เชื่อมเครือข่ายสองระบบเข้าด้วยกัน
ก. HUB
ข. Connecterค. Router
ง. Conectrator

23. Terminator มีหน้าที่อย่างไร
ก. เป็นอุปกรณ์ที่ใช้ต่อหัวเข้ากับสาย
ข. อุปกรณ์ที่ใช้ปิดสัญญาณหัวท้ายเครือข่ายเพื่อป้องกันสัญญาณรั่ว
ค. แผงวงจรที่เสียบกับเครื่องเพื่อเชื่อมสายต่อเป็นเครือข่าย
ง. อุปกรณ์ศูนย์กลางของสายส่งสัญญาณรับทาวงเดียวออกหลายทาง หรือรับหลายทางออกทางเดียว
24. HUB หมายถึงข้อใด
ก. เป็นอุปกรณ์ที่ใช้ต่อหัวเข้ากับสาย
ข. อุปกรณ์ที่ใช้ปิดสัญญาณหัวท้ายเครือข่ายเพื่อป้องกันสัญญาณรั่ว
ค. แผงวงจรที่เสียบกับเครื่องเพื่อเชื่อมสายต่อเป็นเครือข่าย
ง. อุปกรณ์ศูนย์กลางของสายส่งสัญญาณรับทาวงเดียวออกหลายทาง หรือรับหลายทางออกทางเดียว25. ข้อใดเป็นHUB หมายถึง

ก. เหมือนสายสัญญาณโทรศัพท์มีทองแดงอยู่ตรงแนวกลางหุ้มด้วยฉนวนและสายดิน
ข. เหมือนสายโทรศัพท์ตามบ้านภายในประกอบด้วยสายทองแดง 4 เส้น และหุ้มด้วยฉนวนภายนอก
ค. คล้ายสายโทรศัพท์ตามบ้านภายในประกอบด้วยสายทองแดง 8 เส้น
ง. คล้ายสายโทรศัพท์ตามบ้านภายในประกอบด้วยสายทองแดง 8 เส้น ด้านนอกมีฉนวนหุ้ม
26. ข้อใดกล่าวถึง Topology ได้ถูกต้อง
ก. เหมือนสายสัญญาณโทรศัพท์มีทองแดงอยู่ตรงแนวกลางหุ้มด้วยฉนวนและสายดิน
ข. เหมือนสายโทรศัพท์ตามบ้านภายในประกอบด้วยสายทองแดง 4 เส้น และหุ้มด้วยฉนวนภายนอก
ค. คล้ายสายโทรศัพท์ตามบ้านภายในประกอบด้วยสายทองแดง 8 เส้น
ง. คล้ายสายโทรศัพท์ตามบ้านภายในประกอบด้วยสายทองแดง 8 เส้น ด้านนอกมีฉนวนหุ้ม

27. หากระบบเครือข่ายที่มีความแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง จำเป็นต้องใช้อุปกรณ์ใดที่ทำให้ระบบนั้นสามารถเชื่อมโยงกันได้
ก. Routerข. Geteway
ค. Repeater
ง. Bridge

จงใช้คำตอบต่อไปนี้ตอบคำถามข้อ 28- 30
ก. การเชื่อมต่อที่ทุก ๆ work Station จะใช้สายในการเดินทางข้อมูลร่วมกัน
ข. การเชื่อมต่อที่ทุก ๆ work Station มาเชื่อมต่อรวมกันกับอุปกรณ์ตัวกลาง
ค. การเชื่อมต่อที่ทุก ๆ work Station มาเชื่อมกัน ซึ่งมีลักษณะคล้ายวงกลม
ง. การเชื่อมต่อที่ทุก ๆ work Station มารวมกัน โดยใช้รูปแบบวิธีการของข้อ ก ข ค มาต่อแบบผวมผสาน

28. การเชื่อต่อเครือข่ายแบบ Ring
29. การเชื่อต่อเครือข่ายแบบ Bus
30. การเชื่อต่อเครือข่ายแบบ Star
31. Topology แบบใดที่ต้องมีสายสัญญาณเท่ากับหรือมากกว่าจำนวนเครื่องที่ใช้งานในเครือข่าย
ก. BUS
ข. STAR

ค.RING
ง. Ethernet

32. จากข้อ 31 Topology นี้มีข้อดีทางด้านใด
ก. เป็น Topology ที่ง่ายต่อการติดตั้งสามารถเชื่อต่อเข้ากับสายแกนหลักได้ทันที
ข. หากสายสัญญาณหลุดหรือเสียหายก็ไม่มีผลกระทบต่อระบบ
ค. ใช้สายส่งข้อมูลน้อย ทำให้ประหยัดค่าใช้จ่าย
ง. ถูกทั้งข้อ ก และ ข

คำตอบต่อไปนี้ใช้ตอบคำถามข้อ 33 ? 38
ก. BUS
ง.STRA

ค. RING
ง. Ethernet
33. การเชื่อต่อเครือข่ายแบบใดที่มีการเชื่อมต่อเครือข่ายแบบ Loop

ก. BUS
34. การเชื่อมต่อเครือข่ายรูปแบบใดที่เปรียบเหมือนถนนข้อมูล Highway
ก. BUS

35. การเชื่อมต่อเครือข่ายรูปแบบใดที่ต้องมีอุปกรณ์จุดศูนย์กลางที่เรียกว่า HUB เป็นตัวช่วย
 ง. Ethernet
36. ?ต้องใช้สายจำนวนมากเมื่อเปรียบเทียบกับการเชื่อมต่อชนิดอื่น? คำกล่าวนี้เป็นข้อจำกัดของการเชื่อมต่อรูปแบบใด

ค.RING
37. ?หากมีเส้นใดเส้นหนึ่งหลุดไปหรือเสียจะทำให้ระบบนี้หยุดการทำงานทันที? เป็นข้อเสียของการเชื่อมต่อรูปแบบใด
ข. STAR

38. รูปแบบการเชื่อมต่อแบบใดหากมีจุดผิดพลาดหรือทำงานขัดข้องจะหาง่ายและไม่ส่งผลกระทบต่อการทำงานทั้งระบบ
ค.RING

 39.Repeater รีพีเตอร์ เป็นอุปกรณ์ที่ไว้ทำอะไร
ข. STAR

ก. ช่วยให้ระบบต่าง ๆ สามารถทำงานร่วมกันได้
ข. ช่วยให้ระบบที่มีโปรโตคอลต่างกัน สามารถสื่อสารและทำงานร่วมกัน
ค. ช่วยให้ระบบสามารถช่วยยืดระยะทางไปได้ไกลกว่าเดิมง. เป็นอุปกรณ์ที่ดักสัญญาณรบกวนภายในเครือข่าย

40. ข้อใดให้ความหมายของโปรแกรมไดร์เวอร์ได้ดีที่สุด
ก. คือชุดโปรแกรมที่ผู้ชื้อต้องเขียนขึ้นมาเพื่อจัดการกับอุปกรณ์
ข. คือชุดโปรแกรมที่บริษัทผู้ผลิต ๆ ขึ้นมา ซึ่งผู้ชื้อจะได้มาพร้อมกับการซื้ออุปกรณ์นั้น และนำอุปกรณ์นั้นติดตั้งลงในคอมพิวเตอร์ พร้อมกับชุดโปรแกรมที่แนบมา เพื่อให้เครื่องคอมพิวเตอร์สามารถทำงานร่วมกับอุปกรณ์นั้นได้
ค. คือชุดโปรแกรมที่ผลิตขึ้นมาเพื่อใช้งานเฉพาะอุปกรณ์ด้านเครือข่าย เพื่อให้การทำงานบนเครือข่ายมีประสิทธิภาพสูงสุด
ง. คือฮาร์ดแวร์หรืออุปกรณ์ชนิดหนึ่งที่เป็นลักษณะ Plug & Play สามารถเสียบแล้วใช้งานได้ทันที โดยไม่ต้องทำการติดตั้งโปรแกรมชุดใด ๆ
แบบฝึกหัดตอนที่ 2 หน่วยที่1-3
หน่วยที่1  องค์ประกอบคอมพิวเตอร์

ตอนที่2 จงเลือกคำตอบที่ถูกเพียงคำตอบเดียว

1.บุคลากรในข้อใดมีความรู้ด้านคอมพิวเตอร์มากที่สุด

 ตอบ ก. นักวิเคราะห์ระบบ

2.ข้อใดคือยูติลิตี้โปรแกรม

ตอบ ข.Winzip

3.ข้อถือว่าเป็นองค์ประกอบคอมพิวเตอร์ ที่ใช้ในการป้อนข้อมูลเข้าสู่เครื่องคอมพิวเตอร์

ตอบ ค.แป้นพิมพ์

4.ข้อใดไม่ใช้ซอฟแวร์คอมพิวเตอร์

ตอบ ข.Games

5.ในกรณีที่ต้องการต่อสาย เมาส์ ต้องต่อเข้าอุปกรณ์ใด

ตอบ ค.เมนบอร์ด

6.ข้อใดไม่ใช้หน่วยความจำสำรอง

ตอบ ง.รอม

7.คอมพิวเตอร์ในข้อใดน่าจะนำไปใช้งานมากที่สุด

ตอบ ก.อนาลอกคอมพิวเตอร์

8.ข้อใดไม่ใช่ส่วนประกอบของระบบคอมพิวเตอร์

ตอบ ง.ซุปเปอร์แวร์

9.องค์ประกอบคอมพิวเตอร์ ที่ใช้ในการแสดง ผลคือข้อใด

ตอบ ข.จอภาพ

10.ซอฟต์แวร์ที่เป็นภาษาของคอมพิวเตอร์คือข้อใด

ตอบ .Basic
หน่วยที่2  หลักการทำงานคอมพิวเตอร์
ตอนที่2 จงเลือกคำตอบที่ถูกเพียงคำตอบเดียว

1.ข้อใดคืออุปกรณ์ด้านอินพุทยูนิต

ตอบ ค.เมาส์

2.หน่วยประมวลผลข้อมูลกลางคือข้อใด

ตอบ ข.ซีพียู

3.ข้อใดไม่ใช้อุปกรณ์ต่อพ่วง

ตอบ ค.เมนบอร์ด

4.เครื่องพิมพ์ที่ใช้หลักการฉีดพ่นหมึกข้อใด

ตอบ ข.อิงค์เจต

5.การที่ให้ปากกาเคลื่อนที่ไปมาบนแกนโลหะเพื่อวาดภาพลงบนกระดาษเป็นหลักการของอุปกรณ์ชนิดใด

ตอบ ก.Flatbed Plotter

6. อุปกรณ์ที่ทำหน้าที่อ่านรหัสข้อมูลที่ติดบนสินค้าหรือผลิตภัณฑ์ คืออุปกรณ์ใด

ตอบ ง.BarCode Reader

7.หน่วยความจำภายในกล้องดิจิตอลสามารถเป็นภาพได้ประมาณกี่ภาพ

ตอบ ข.20

8 .ข้อใดไม่ใช่สื่อที่ใช้ในการบันทึกข้อมูล

ตอบ ค.รอม

9.สื่อบันทึกข้อมูลที่มีความจุมากกว่า 4.7 GB คือข้อใด

ตอบ ก.ดีวีดีรอม

10.ข้อใดคือคุณสมบัติของแฮนดี้ไดร์ฟ

ตอบ ก.พกพาสะดวกจุข้อมูลมาก
หน่วยที่3  โปรแกรมระบบปฏิบัติการ
ตอนที่2 จงเลือกคำตอบที่ถูกเพียงคำตอบเดียว

1.ข้อใดไม่ใช้หน้าที่ของโปรแกรมระบบปฏิบัติการ

ตอบ ก.จำข้อมูลช่วงที่มีการเชื่อมไฟ

2.ข้อดีของระบบปฏิบัติการ Dos คือข้อใด

ตอบ ง.ทำงานในโหมดตัวอักษร

3.ข้อเสียของระบบปฏิบัติการวินโดวส์95 คือข้อใด

ตอบ ข.ต้องสั่งงานโดยใช้เมาส์

4วินโดวส์95 ต่างจากวินโดวส์98 อย่างไร

ตอบ ง.ซอฟแวร์สนับสนุน

5.ระบบปฏิบัติการใดน่าจะมีความเหมาะสมในยุคปัจจุบัน (พ.ศ.2547)มากที่สุด

ตอบ ค.Windows XP

6.ระบบปฏิบัติการที่เหมาะกับคอมพิวเตอร์เมนเฟรมและการติดต่อสื่อสารระยะไกลคือข้อใด

ตอบ ข.Unix

7.ระบบปฏืบัติการประเภท Open Source คือข้อใด

ตอบ ค.Linux

8.ระบบปฏิบัติการใดเหมาะกับเครื่องคอมพิวเตอร์แบบ SUN

ตอบ ก.Solaris

9.ระบบปฏิบัติการที่สร้างขึ้นมาเพื่อใช้กับคอมพิวเตอร์แบบพกพาคือข้อใด

ตอบ ค.Windows CE

10.ระบบปฏิบัติการที่ถูกบรรจุในหน่วยความจำรอมคือข้อใด

ตอบ ข.Firmware


การสอบ

1.ข้อใดกล่าวได้ถูกต้องที่สุด
ตอบ 2.แท็บเล็ตพีซี เป็นเครื่องชวยบันทึกช่วยจำ เช่น การนัดหมาย ปฏิทิน สมุดโทรศัพท์
เพราะ: คิดว่าน่าจะใช่ข้อนี้คะ
2.คอมพิวเตอร์ที่คำนิยมใช้มากที่สุด คือคอมพิวเตอร์ข้อใด
ตอบ 4. ไมโครคอมพิวเตอร์
เพราะ: ข้อนี้ไม่ทราบค่ะเดาเอา
3.ข้อใดกล่าวถูกต้องที่สุด
ตอบระบบหุ่นยนต์ อาศัยการทำงานของโปรแกรมตอมพิวเตอร์เพื่อเลียนแบบสิ่งมีชีวิตในการทำงานที่อันตรายแทนการใช้งานแรงงานคนเพียงอย่างเดียว
เพราะ: น่าจะเป็นข้อนี้ค่ะ
4.หากต้องการทำงานที่ต้องการความเร็วสูงในการประมวลผลอย่างมาก เช้น การวิเคราะห์และพยากรณ์อากาศ ต้องใช้คอมพิวเตอร์ประเภทใด
ตอบ 2.ซูปเปอร์คอมพิวเตอร์
เพราะไม่รู้ว่าจะตอบข้อใดเพราะข้อนี้ทำไม่ได้จิงๆค่ะ

5.ขั้นตอนข้อใด คือขั้นตอนโปรแกรมประยุกต์จะส่งคำร้องเพื่อข้ออนุญาติทำงานบนคอมพิวเตอร์ไปยัง
ระบบปฏิบัติการ
ตอบ 1.ขั้นส่งการฮาร์ดแวร์ Hard ware lnstructionsเพราะ: น่าจะถูกที่สุดคะ

6.ข้อใด ไม่ใช่ สื่อเก็บบันทึกข้อมูลสำรองตอบ 1.ดิสก์เก็ตต์
เพราะ: ไม่ทราบจริงๆคะ

7.ในยุคอดีตมีการควบคุมลวดลายการท้อผ้าให้เป็นไปตามต้องการใช้วิธีการป้อนข้อมูลข้อใด
ตอบ 3.ควบคุมด้วยมือ
เพราะ: น่าจะใช่ข้อนี้ คะ

8.ข้อใดต่อไปนี้ เรียกหน่วยความจุไปน้อยไปมากตอบ 2.KB,MB,TB,GBเพราะ: เคยอ่านเจอ
9.ผู้ใช่งานซื้อฮาร์ดิดิสก์ ขนาด 40 GB จากผู้ชาย หากนำมาฟอร์แรมแมตด้วยระบบปฏิบัติการจะได้ขนาดความจุตามข้อใดตอบ 4. 40 GB
เพราะ: คิดว่าถูก
10.

10.เครื่องทอผ้าของแจคการ์ด อยุในยุคเครื่องมือคำนวณข้อใด
ตอบ 3.ยุคก่อนเครื่องจักรกล
เพราะ: คิดว่าน่าจะเป็นข้อนี้ค่ะ

11.เครื่องคอมพิวเตอร์แบบดิจิตอลเครื่องแรกของโลกที่ใช้ในการคำนวณหาระยะกะสุน คือข้อใดตอบ 3.ENIAC
เพราะ: มั่วเอาค่ะ

12.คอมพิวเตอร์สามารถจำแนกได้ตามข้อใด
ตอบ 4.ตามลักษณะการใช้งานและตามเกณฑ์มาคตรฐาน
เพราะ:คิดว่าน่าจะใช่คะ
13.รหัสข้อใด คือรหัสมาตรฐานของสถาบันมาตรฐานแห่งสหรัฐอเมริกา ที่นำกลุ่มตัวเลขฐานสองต่างๆมาใช้ตอบ 2.assc
เพราะ: ไม่รู้จริงๆคะคิดว่าน่าจะใช่ข้อนี้

14.บุคคลที่ทำหน้าที่กำหนดทิศทาง นโยบายและแผนงานทางคอมพิวเตอร์ในองค์กรทั้งหมดว่าควรเป็นไปในรูปแบบใด คือบุลคลข้อใดตอบ 2.ccm Computer Control Manager
เพราะ: คิดว่าใช่
15.ขั้นตอนข้อใด คือขั้นตอนที่หน่วยประมวณผลกลางทำงานคำนวณและประมวลผลตามคำสั่งที่ได้รับ
ตอบ 2. ขั้นประมวลผลลัพธ์ Processing results
เพราะ: เดาคะ

16.ผู้ที่ทำหน้าที่กำหนดสิทธิ์ของผู้จะใช้งานตรงกับบุคคลใด
ตอบ 1.เจ้าหน้าที่กำหนดสิทธิ์การใช้งาน Personal Administrator
เพราะ: คิดว่าน่าจะใช่ข้อนี้แน่คะ
17.บุคคลข้อใดทำหน้าที่ในการวิเคราะห์และตรวจสอบซอฟแวร์ที่พัฒนาอย่างมีแบบแผน
ตอบ 4. นักวิเคราะห์ระบบ System Analyst
เพราะ:ในความคิดน่าจะใช่แน่นอนคะ
18.Application Programmer ทำหน้าที่ตามข้อใด
ตอบ 1.นักเขียนโปรแกรมบนเว็บไซค์
เพราะ: น่าจะใช่คะ
19.ข้อใด ไม่ใช่ ลักษณะเด่นของคอมพิวเตอร์
ตอบ 1. ความเป็นกึ่งอัตโนมัติ
เพราะ: มั่ว

20.ข้อใด เรียกยุคของคอมพิวเตอร์ได้ถูกต้องที่สุด
ตอบ 4. ก่อนเครื่องจักร เครื่องจักร อิเล็กทรอนิกส์ จักรกลอิเล็กทรอนิกส์
เพราะ: เวลาจะหมดเลยตอบ